 |
|
กติกาเทนนิส EP: 4 ไม้เทนนิส (THE RACKET)
เทนนิส เป็นกีฬาที่มีจุดกำเหนิดในยุโรป ซึ่งมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานนับร้อยปี และยังคงเป็นที่นิยมต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน แต่ด้วยความที่มีภาพลักษณ์ว่าเป็นกีฬาสำหรับชนชั้นสูง จึงทำให้ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนักในกลุ่มประเทศเอเซียเมื่อเทียบกับกีฬาประเภทอื่นๆ เช่น ฟุตบอล หรือแบตมินตัน แต่ ณ ปัจจุบัน เริ่มเป็นที่แพร่หลายและกลายเป็นกีฬายอดนิยมไปแล้ว แต่อีกปัจจัยหนึ่งซึ่งอาจจะทำให้คนไม่ค่อยสนใจเห็นมาเล่นเทนนิสกันสักเท่าไหร่เพราะเนื่องจาก อุปกรณ์นั่งเอง โดยเฉพาะอุปกรณ์หลักอย่างไม้เทนนิส ที่มีราคาแพง และดูจะซับซ้อน หลายแบบ หลากหลายสไตล์ โดยเฉพาะปัจจุบันได้มีการออกแบบมาให้เหมาะกับลักษณะผู้ใช้ โดยมีปัจจัย ดังต่อไปนี้
1. เลือกขนาดหน้าไม้ ตามระดับความชำนาญในการเล่นของตน
2. เลือกน้ำหนักไม้ที่เหมาะสมกับแรงของตนเอง
3. ความถี่-ห่างในการร้อยเอ็นของไม้เทนนิส
4. เลือกขนาดด้ามจับให้เหมาะกับขนาดฝ่ามือ
5. เช็กจุดศูนย์กลางของน้ำหนักไม้
6. เลือกวัสดุของตัวไม้ที่ตรงกับลักษณะการใช้งาน
และเนื่องด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ความแตกต่างของไม้เทนนิสจะให้ทำสนุกกับการเลือกไม้และไตล์ที่ตนเองถนัดมากขึ้น ซึ่งแต่ละแบบของไม้เทนนิสนั้นก็จะมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันออกไป เริ่มสนุกแล้วใช่ไหมละ? นี่ขนาดยังไม่ได้เริ่มเล่นกันเลยนะ...
ไม้เทนนิสที่ได้มาตรฐานการรับรองโดยสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (International Tennis Federation)
ไม้เทนนิสที่ได้รับการรับรองให้ใช้ในการเล่นภายใต้กติกาเทนนิสได้นั้นต้องสอดคล้องกับข้อกำหนดในสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ITF) ซึ่งจะเป็นผู้ชี้ขาดว่าไม้เทนนิส จะได้รับการรับรอง หรือไม่ได้รับการรับรองให้ใช้ในการเล่นได้ การชี้ขาดนั้นอาจจะเกิดจากความต้องการของสหพันธ์ฯเอง หรือจากการยื่นข้อเสนอจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีความประสงค์ร่วมกัน ซึ่งรวมถึงนักกีฬาเทนนิส หรือผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬา หรือสมาคมแห่งชาติใดๆก็ได้ การชี้ขาดนั้นๆ จะต้องเป็นไปตามวิธีพิจารณาทบทวนและไต่สวนของสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ITF)
ไม้เทนนิสที่ทำการแข่งขันนั้นจะไม่อนุญาติให้ใช้เอ็นมากกว่า 1 ชุด และการขึงเอ็นบนไม้เทนนิสนั้น ต้องขึ้นเอ็นโดยการสลับขึ้นลงใน 1 ระนาบ เท่านั้น การติดตัวกันสะเทือนบนเอ็นของไม้เทนนิส จะต้องติดบริเวณเส้นนอกสุดที่ไขว้ของเอ็นเท่านั้น และสามารถติดตัวกันสะเทือนกี่อันก็ได้
ลักษณะไม้เทนนิสที่ได้รับการรับรอง
ก.
พื้นที่ที่ใช้ตี หน้าไม้เทนนิสต้องเรียบ และประกอบขึ้นด้วยลวดลายของเส้นเอ็นที่ยึดกับโครง ขึงข้ามและสอดสลับกันไป ลวดลายโดยรวมของเส้นเอ็นต้องคงที่
และโดยเฉพาะตรงกึ่งกลางต้องหนาแน่นไม่น้อยกว่าบริเวณอื่นๆ ไม้เทนนิสต้องได้รับการออกแบบและการขึ้นเอ็นที่ทำให้มีคุณลักษณะในการตีเหมือนกันทุกประการทั้ง
2 หน้า เส้นเอ็นต้องไม่มีวัตถุอื่นติด
หรือโผล่นูนออกมานอกไปจากที่ต้องใช้เพื่อจุดประสงค์ในการจำกัดหรือป้องกันการสึกหรอหรือแตกหัก หรือการสั่นสะเทือนเท่านั้น วัตถุเหล่านี้และส่วนที่โผล่นูนออกมาต้องมีขนาดการติดที่สมเหตุสมผลเพื่อประโยชน์ดังกล่าว
ข.
โครงของไม้ต้องมีขนาด รวมทั้งด้ามจับด้วย
ยาวทั้งสิ้นไม่เกิน 29 นิ้ว (73.66 ซม.) ความกว้างทั้งหมดของโครง
ต้องไม่เกิน 12.1/2 นิ้ว (31.75 ซม.) หน้าไม้ที่ใช้ในการตี ต้องยาวไม่เกิน 15 ½ นิ้ว (39.37 ซม.) และกว้างไม่เกิน
11 ½ นิ้ว (29.21 ซม.)
ค.
โครงของไม้รวมทั้งด้าม
ต้องไม่มีวัตถุหรือเครื่องมือติดอยู่
นอกจากที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ในการป้องกันหรือลดการสึกหรอหรือฉีกขาด หรือการสั่นสะเทือนหรือการกระจายน้ำหนักเท่านั้น วัตถุหรือเครื่องมือนั้น ต้องมีขนาดและการติดที่สมเหตุสมผลเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว
ง.
โครงการไม้เทนนิสรวมทั้งด้ามและเอ็นต้องไม่มีเครื่องมือใดๆ ที่จะทำให้เปลี่ยนรูปร่างของไม้เทนนิส
หรือเปลี่ยนการกระจายน้ำหนักไปในทิศทางตามแกนยาวของไม้เทนนิส
ซึ่งจะทำให้ค่าความเฉื่อยของการเหวี่ยงเปลี่ยนไป
หรือจงใจที่จะเปลี่ยนคุณสมบัติด้านกายภาพของไม้เทนนิสให้มีผลต่อการแข่งขัน ต้องไม่มีการติดตั้งแหล่งพลังงานใดๆ
บนตัวไม้ที่จะผลหรือเปลี่ยนคุณลักษณะในการแข่งขัน
กรณีที่ 1 : ในระหว่างคะแนน ผู้เล่นทำเอ็นขาดด้วยเหตุบังเอิญนักกีฬาผู้นั้นจะสามารถใช้ไม้อันนั้นเล่นในแต้มต่อไปได้หรือไม่
คำวินิจฉัย : ได้ เฉพาะในกรณีของการแข่งขันระดับเยาวชนเท่านั้น ซึ่งในระดับอาชีพ จะไม่อนุญาติให้ใช้ไม้ที่ชำรุดทำการแข่งขันในแต้มต่อไปได้
กรณีที่ 2 : อนุญาติให้ผู้เล่นใช้ไม้เทนนิสมากกว่าหนึ่งอันในระหว่างการเล่นแต้ม ในกรณีที่แต้มยังไม่จบ ได้หรือไม่?
คำวินิจฉัย: ไม่ได้ (ยกเว้นกรณีที่ฝ่ายเสิร์ฟ ได้ทำการเสิร์ฟลูกแรกเสีย สามารถเปลี่ยนไม้มาทำการเสิร์ฟลูกที่สองได้)
#กติกาเทนนิส...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น