กติกาเทนนิส EP: 1 สนามเทนนิส (THE COURT)

 

สนามเทนนิส

กติกาเทนนิส EP: 1 สนามเทนนิส (THE COURT)


                    สนามเทนนิสต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาว 78 ฟุต (23.77 เมตร.) กว้าง 27 ฟุต (8.23 เมตร.) สำหรับการเล่นประเภทเดี่ยว และกว้าง 36 ฟุต (10.97 เมตร.) สำหรับการเล่นประเภทคู่

                    สนามจะถูกแบ่งขวางตรงกึ่งกลางด้วยตาข่ายที่แขวนอยู่บนเชือกหรือลวดโลหะ ที่พาดผ่านเสา หรือยึดติดกับเสา 2 ต้น ที่ความสูง 3 ½ ฟุต (1.07 เมตร.) ตาข่ายต้องกั้นขวางตลอดแนวระหว่างเสาทั้งสอง และต้องมีขนาดช่องตาข่ายเล็กพอที่จะกันลูกไม่ให้ลอดผ่านได้ ความสูงของตาข่ายต้องเป็น 3 ฟุต (0.914 เมตร.) ตรงจุดกึ่งกลางซึ่งมีแถบผ้ารั้งลงมาให้ตึง มีแถบปลอกผ้าคลุมเหนือเชือกหรือลวดโลหะและด้านบนสุดของตาข่าย แถบผ้าที่ใช้รั้งและแถบปลอกผ้าต้องเป็นสีขาวตลอดทั้งผืน

👉 เชือกหรือลวดโลหะต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางสูงสุดไม่เกิน 1/3 นิ้ว (0.8 เซนติเมตร)
👉 แถบผ้าที่ใช้รั้งต้องมีความกว้างสูงสุดไม่เกิน 2 นิ้ว (5 เซนติเมตร.)
👉 แถบปลอกผ้าจะต้องห้อยต่ำลงมาระหว่าง 2- 2 ½ นิ้ว (5.00-6.35 เซนติเมตร) ทั้งสองด้านของตาข่าย

    สำหรับการเล่นคู่ จุดกึ่งกลางของเสาขึงตาข่ายต้องอยู่ห่างจากขอบนอกของสนามประเภทคู่ 3 ฟุต (0.914 เมตร.) ทั้งสองข้าง 
             สำหรับการเล่นเดี่ยว ถ้าใช้ตาข่ายสนามประเภทเดี่ยว จุดกึ่งกลางของเสาขึงตาข่ายต้องอยู่ห่างจากขอบนอกของสนามประเภทเดี่ยว 3 ฟุต (0.914 เมตร.) ทั้งสองข้าง แต่ถ้าใช้ตาข่ายสำหรับสนามประเภทคู่ จะต้องใช้ไม้ค้ำ 2 อัน ค้ำยันตาข่ายให้มีความสูง 3 ½ ฟุต (1.07 เมตร.) โดยที่จุดกึ่งกลางของไม้ค้ำต้องอยู่ห่างจากขอบนอกของสนามประเภทเดี่ยว 3 ฟุต (0.914 เมตร.) ทั้งสองข้าง

👉 เสาขึงตาข่าย ต้องมีขนาดไม่เกิน 6 นิ้ว (15 เซนติเมตร.) สี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือเสากลม เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 6 นิ้ว (15 เซนติเมตร)
👉 ไม้ค้ำตาข่าย ต้องมีขนาดไม่เกิน 3 นิ้ว (7.5 เซนติเมตร) สี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือเสากลม เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 3 นิ้ว (7.5 เซนติเมตร)
👉ส่วนเกินของเสาหรือไม้ค้ำตาข่ายที่ยื่นเลยส่วนบนสุดของเชือกขึงตาข่ายต้องไม่เกิน 1 นิ้ว (2.5 เซนติเมตร)     
👉 เส้นที่ปลายสุดของสนามเรียก “เส้นหลัง” (Base-Lines) และเส้นที่อยู่ด้านข้างของสนามเรียก “เส้นข้าง” (Side-Lines) จะมีเส้นที่ลากจากเส้นข้างของสนามประเภทเดี่ยวขนานกับตาข่าย ที่ระยะห่าง 21 ฟุต (6.40 เมตร) จากตาข่ายทั้งสองด้าน เส้นทั้งสองนี้เรียก “เส้นเสิร์ฟ” (Service-Lines) พื้นที่ภายในเส้นเสิร์ฟกับตาข่ายทั้งสองด้านจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่าๆกัน ด้วยเส้นกึ่งกลางเส้นเสิร์ฟ (Centre-Service-Lines) เรียกว่า “เส้นกึ่งกลางเสิร์ฟ” เส้นกึ่งกลางเส้นเสิร์ฟขนาน และอยู่ตรงกึ่งกลางของเส้นข้างทั้งสอง
👉 เส้นท้ายสนาม แต่ละเส้นถูกแบ่งครึ่งด้วยขีดกึ่งกลาง (Centre-Mark) ยาว 4 นิ้ว (10 เซนติเมตร) ที่ลากขนานกับเส้นข้างเข้าไปในสนาม
👉 เส้นกึ่งกลางเส้นเสิร์ฟ และขีดกึ่งกลางเส้นหลัง ต้องมีขนาดความกว้าง 2 นิ้ว (5 เซนติเมตร)
👉 เส้นอื่นๆในสนามจะต้องมีความกว้างระหว่าง 1 นิ้ว (2.5 เซนติเมตร) ถึง 2 นิ้ว (5 เซนติเมตร) ยกเว้นเส้นท้ายสนามที่มีความกว้างได้ถึง4 นิ้ว (10 เซนติเมตร) 

                    การวัดขนาดสนามทั้งหมดจะวัดไปถึงขอบนอกของเส้น และเส้นทุกเส้นของสนามต้องมีสีเดียวกัน และมีสีตัดกับสีของพื้นสนาม

                    สนามเทนนิส ต้องมีพื้นที่รอบๆ เพียงพอให้ผู้เล่นสามารถวิ่งไปตีลูกได้ โดยทั้งสนามและพื้นที่โดยรอบควรมีพื้นที่กว้างอย่างน้อย 60 ฟุต ยาวอย่างน้อย 120 ฟุต

สนามเทนนิส มี 5 แบบ ดังนี้


1. Hard Court หรือ สนามพื้นแข็ง

ทำจากคอนกรีต ราดยาง หรืออะครีลิก สนามพื้นแข็งจะทำให้บอลเคลื่อนที่ได้เร็ว และกระดอนได้อย่างแท้จริง


Hard Court


2. Clay Court หรือ สนามพื้นดิน

ปัจจุบันสนามพื้นดินมักไม่ได้ทำมาจากดินจริง แต่จะเป็นอิฐป่นและปูทับด้วยอนุภาคพิเศษที่ไม่ดูดซับน้ำง่าย โดยสนามพื้นดินมักจะทำให้บอลเคลื่อนที่ช้า และบอลจะติดสปินมากกว่าพื้นสนามอื่นๆ


Clay Court


3. Grass Court หรือ สนามพื้นหญ้า

บอลจะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าสนามอื่นๆ แต่การกระดอนมักจะไม่แน่ไม่นอน ปัจจุบันมีการใช้หญ้าชนิดใหม่ที่ทำให้บอลกระดอนได้สูงขึ้น และการเคลื่อนที่ของบอลช้าลงกว่าหญ้ารุ่นก่อน


Grass Court

4. Carpet Court หรือ สนามพื้นพรม

มักใช้เล่นเฉพาะเทนนิสในร่ม และไม่มีการใช้พื้นสนามนี้แล้วสำหรับการแข่งขันของ ATP (เทนนิสอาชีพชาย) และ WTA (เทนนิสอาชีพหญิง)



Carpet Court


5. Wood Court หรือ สนามพื้นไม้

ทำให้บอลกระดอนต่ำและเคลื่อนที่เร็ว ปัจจุบันไม่มีการใช้พื้นสนามนี้แล้วในการแข่งขันระดับอาชีพ

Wood Court







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น