กติกาเทนนิส EP: 3 ลูกเทนนิส (TENNIS BALL)





 กติกาเทนนิส EP: 3 ลูกเทนนิส (TENNIS BALL)


ประวัติลูกเทนนิส


                    ในสมัยก่อน ลูกเทนนิสมักทำมาจากหนังสัตว์ที่ภายในยัดไส้ด้วยเส้นผมหรือขนแกะ ลูกเทนนิสในยุคแรกทำขึ้นจากช่างฝีมือชาวสก๊อตแลนด์ที่ทำลูกเทนนิสจากกระเพาะของแกะหรือแพะ ที่หุ้มด้วยขนแกะและมัดด้วยเชือก โดยมีหลักฐานการค้นพบบนหลังคาของอาคารเวสต์มินสเตอร์ ฮอลล์ (Westminster Hall) ในพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ระหว่างช่วงที่มีการซ่อมแซมในรัชสมัยของ Henry Vlll หรือในอีกตำนานหนึ่ง คือ ลูกเทนนิสทำมาจากวัสดุหลายชนิด เช่น ขนสัตว์ เชือกที่ทำจากลำไส้และกล้ามเนื้อของสัตว์ และไม้สน ซึ่งถูกพบภายในปราสาทของชาวสก๊อตแลนด์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 และในช่วงศตวรรษที่ 18 ลูกเทนนิสทำจากการนำเส้นด้ายที่ทำจากขนแกะขนาดขนาดความกว้าง 3/4 นิ้วมาพันไขว้ไปมาให้แน่นรอบแกนกลางลูกบอลและนำผ้าสีขาวมาเย็บคลุมรอบลูกบอล (แต่ใช้แกนกลางเป็นยาง) และลักษณะของลูกเทนนิสแบบหลังนี้ ยังคงมีการนำมาใช้ในการแข่งขันดั้งเดิมที่เรียกว่า Real Tennis โดยในช่วงปี ค.ศ. 1870-1879 ได้มีการผลิตลูกเทนนิสที่แกนกลางทำจากยางวัลคาไนซ์เป็นครั้งแรก
 
                    สีของลูกเทนนิส 👉 สีของลูกเทนนิสที่สหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ITF) ได้กำหนดไว้ คือ (สีเหลือง และสีขาว)

                    มาตรฐานของลูกเทนนิสสากล (International Tennis Federation)

ก. ลูกบอลต้องมีผิวนอกสม่ำเสมอ ประกอบด้วยผ้าสักหลาดหุ้ม  สีเหลือง ถ้ามีรอยต่อต้องไม่มีตะเข็บ

ข. ลูกบอล ต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้  และต้องมีน้ำหนัก (มวล)  มากกว่า 1.975 ออนซ์  (56.0 กรัม) และน้อยกว่า 2.095 ออนซ์ (59.4  กรัม)

ค. มีลูกบอลมากกว่าหนึ่งประเภท  ลูกบอลแต่ละลูกต้องกระดอนสูงกว่า 53 นิ้ว (134.62 ซม.)
และน้อยกว่า 58 นิ้ว (147.32 ซม.)  เมื่อปล่อยให้ตกจากความสูง 100 นิ้ว (254.00 ซม.)  บนคอร์ทที่มีผิวราบแข็ง เช่น พื้นคอนกรีต

                      ลูกบอล ประเภทที่ 1 (ความเร็วสูง)  จะต้องมีการยุบตัวด้านหน้า  มากกว่า 0.195 นิ้ว (0.495 ซม.) และน้อยกว่า 0.235 นิ้ว (0.597 ซม.) และโป่งออกมากกว่า 0.265 นิ้ว (0.673 ซม) และน้อยกว่า 0.360 นิ้ว (0.914 ซม.) เมื่อรับแรงกด 18 ปอนด์ (8.165 กก.)

                     ลูกบอล ประเภทที่ 2  (ความเร็วปากกลาง)  และประเภทที่ 3 (ความเร็วต่ำ) ต้องมีการยุบตัวด้านหน้ามากกว่า 0.220 นิ้ว (0.559 ซม.)  และน้อยกว่า 0.290 นิ้ว (0.737 ซม.) และโป่งออกมากกว่า 0.315 นิ้ว (0.800 ซม.)  และน้อยกว่า 0.425 นิ้ว (1.080 ซม.) เมื่อได้รับแรงกด 18 ปอนด์ (8.165 กก.)  ค่าการยุบตัวทั้งสองจะต้องเป็นค่าเฉลี่ยจากการอ่านตามแกนทั้งสามของลูกบอล  และในแต่ละกรณีการอ่าน 2 ครั้ง ได้ค่าความแตกต่างต้องไม่มากกว่า 0.030 นิ้ว (0.076 ซม.)

ง. สำหรับการแข่งขันที่แข่งขันในสนามที่มีระดับสูงกว่า 4,000 ฟุต จากระดับน้ำทะเล อาจใช้ลูกบอลเพิ่มขึ้นอีก 2 ประเภทก็ได้

                           ประเภทแรก จะเหมือนกับลูกบอลประเภทที่ 2 (ความเร็วปานกลาง)  ดังที่นิยามไว้ข้างต้น ยกเว้น ลูกบอล จะมีการกระดอนมากกว่า 48 นิ้ว (121.92 ซม.) และน้อยกว่า 53 นิ้ว (134.62 ซม.)  และต้องมีความดันภายในมากกว่าความดันภายนอก ลูกบอลประเภทนี้รู้จักกันทั่วไปว่าลูกบอลอัดแรงดัน

                          ประเภทสอง จะเหมือนกับลูกบอลประเภทที่ 2 (ความเร็วปานกลาง) ดังที่นิยามเอาไว้ข้างต้น ยกเว้น  ลูกบอลนี้จะต้องมีความดัน  ภายในเท่ากับภายนอกโดยประมาณ และจะต้องถูกปรับให้เข้ากับสภาพอากาศในระดับความสูงที่ใช้ในการแข่งขันนั้น  เป็นเวลาไม่น้อยกว่า  60  วัน  ลูกบอลประเภทนี้รู้จักกันทั่วไปว่า ลูกบอลแรงดันศูนย์  หรือลูกบอลไม่อัดแรงดัน

                   ลูกบอลอีกประเภทหนึ่ง  ซึ่งได้รับการเสนอแนะให้ใช้สำหรับการแข่งขันในคอร์ททุกประเภทผิวที่ความสูงมากกว่า 4,000 ฟุต (1,219 เมตร)  จากระดับน้ำทะเล คือลูกบอลประเภทที่ 3 (ความเร็วต่ำ) ดังที่นิยามไว้ข้างต้น

จ. การทดสอบการกระดอน  ขนาด และการเสียรูป  จะต้องทำตามข้อกำหนด

กรณีที่ 1         :  ควรใช้ลูกบอลประเภทไหน กับผิวสนามแบบใด

คำวินิจฉัย       มีลูกบอล 3 ประเภท ที่ได้รับการรับรองภายใต้กติกาเทนนิส อย่างไรก็ดี

ก. ลูกบอลประเภทที่ 1 (ความเร็วสูง) เหมาะสำหรับไว้ใช้แข่งขันในสนามช้า

ข. ลูกบอลประเภทที่ 2 (ความเร็วปานกลาง) เหมาะสำหรับไว้ใช้ในสนามเร็วปานกลางหรือสนามเร็วปานกลางค่อนข้างเร็ว

ค. ลูกบอลประเภทที่ 3 (ความเร็วต่ำ)  เหมาะสำหรับแข่งขันในสนามเร็ว

                    ลูกเทนนิสที่ได้รับการรับรองสำหรับใช้ในการแข่งขันภายใต้กติกาเทนนิสต้องเป็นลูกเทนนิสที่สหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ITF) จะเป็นผู้ชี้ขาดว่าลูกเทนนิสหรือลูกเทนนิสแบบใด เป็นไปตามข้อกำหนด หรือไม่ หรือได้รับการรับรองหรือไม่ได้รับการรับรองสำหรับใช้ในการแข่งขัน การชี้ขาดนี้อาจจะเกิดจากความต้องการของสหพันธ์ฯเอง หรือได้รับการเสนอคำร้องโดยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่มีจุดประสงค์เดียวกัน ซึ่งอาจเป็นนักกีฬา ผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬา หรือสมาคมแห่งชาติ หรือสมาชิกของสมาคมนั้น คำชี้ขาดและคำร้องจะต้องเป็นไปตามวิธีพิจารณาทบทวนและไต่สวนของสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ITF)

                    ในรายการแข่งขันต่างๆ ผู้จัดการแข่งขันต้องประกาศล่วงหน้าก่อนการแข่งขันใหัทราบถึง

                   ก. แบลนด์ลูกเทนนิส และจำนวนลูกเทนนิสที่จะใช้ในการแข่งขัน 

                        ลูกเทนนิสที่ใช้ในการแข่งขันสามารถกำหนดให้มีจำนวนดังต่อไปนี้ (2, 3, 4 หรือ 6 ลูก)

                   ข. การเปลี่ยนลูกเทนนิส (ถ้ามี)

                        การเปลี่ยนลูกเทนนิส (ถ้ามี) อาจเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง ดังต่อไปนี้

                   1. หลังจากเล่นได้จำนวนเกมส์รวมเป็นจำนวนคี่ตามที่ตกลงกันไว้ก่อน ในกรณีนี้ การเปลี่ยนครั้งแรกจะเปลี่ยนเร็วขึ้นกว่าการเปลี่ยนครั้งต่อๆไป เนื่องจากได้เผื่อสำหรับการวอร์มก่อนแข่งขัน โดยการวอร์มนั้นถือว่านับเป็น 2 เกมส์ ฉะนั้นการเปลี่ยนครั้งแรกจึงเร็วกว่า 2 เกมส์

                            จำนวนเกมส์การเปลี่ยนลูกเทนนิสที่กำหนด (7/9, 9/11, 11/13) เกมส์

                       2. เปลี่ยนลูกเทนนิส หลังจากจบแต่ละเซต หรือ ก่อนเริ่มแข่งขันในเซตสุดท้าย

หมายเหตุ : การเล่นไท-เบรกนับเป็น 1 เกมส์ สำหรับการเปลี่ยนลูกเทนนิส ต้องไม่เปลี่ยนลูกเทนนิสขณะจะเริ่มเล่นไท-เบรก ในกรณีนี้จะเลื่อนการเปลี่ยนลูกเทนนิสไปเป็นช่วงที่จะเริ่มเล่นเกมส์ที่ 2 ของเซตถัดไป เพื่อให้นักกีฬาที่ควรจะได้รับลูกใหม่ในการเสิร์ฟได้กลับมาเสิร์ฟ


กรณีที่ 2 : ระหว่างการแข่งขัน หลังจากจบแต้มค้นพบว่าลูกเทนนิสที่เล่นแต้มสุดท้ายนั้น "นิ่ม" หรือ "แตก" แตกต่างกันอย่างไร? และควรเล่นแต้มนั้นใหม่หรือใหม่?

คำวินิจฉัย : ถ้าลูกเทนนิสที่เล่นแต้มสุดท้ายนั้น "นิ่ม" ให้แต้มคงเดิมไม่ต้องเล่นแต้มนั้นใหม่ แต่ถ้าลูกเทนนิสที่เล่นแต้มสุดท้ายนั้น "แตก" ให้เล่นแต้มนั้นใหม่ และเปลี่ยนลูกที่มีสภาพคล้ายคลึงกับลูกเทนนิสที่ทำการแข่งขัน ยกเว้นในกรณีที่เพิ่งเปลี่ยนบอลใหม่และอยู่ในช่วง 2 เกมส์ หลังจากเปลี่ยนบอลใหม่ ให้นำบอลใหม่มาแทนที่



#กติกาเทนนิส...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น